การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะต้องอาศัยประสบการณ์ในการเลือกสินทรัพย์การลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการและความเสี่ยงที่รับไหวแล้ว ‘เงินทุน’ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น การมีเงินทุนเริ่มต้นที่น้อยก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ประสบความสำเร็จด้านการลงทุนเสมอไป ดังนั้น สำหรับใครที่ต้องการลงทุนเพื่อต่อยอดเงินเก็บ แต่ยังไม่มีประสบการณ์และไม่แน่ใจว่ามีเงินน้อยลงทุนอะไรดีถึงจะสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพได้ มาดู 3 เคล็ดลับการเริ่มต้นลงทุนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก Money Adwise นำมาฝากกันได้เลย
เบื้องหลังความสำเร็จของทุกการลงทุนเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ หากจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกถึงเป้าหมายใกล้ตัวอย่างการเก็บเงินดูก่อน
ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต มั่นใจได้ว่าใครหลายคนอาจกำหนดเป้าหมายเก็บเงินให้ได้ล้านแรกตอนอายุ 30 แต่สุดท้ายบางคนก็อาจไปไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เนื่องจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาระทางการเงินรอบด้าน ตลอดจนการไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า จะเก็บเงิน 1 ล้านบาทไปเพื่ออะไร ใช้วิธีการไหนและต้องการให้เห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาเท่าไหร่
สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะกำหนดเป้าหมายการเงินและการลงทุนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ลองมาเริ่มต้นรู้จักความต้องการของตัวเองให้มากขึ้นด้วยเทคนิคการกำหนดเป้าหมายการเงินและการลงทุนตามหลัก S.M.A.R.T โดยแต่ละตัวอักษรจะมีรายละเอียดดังนี้
ตัวอย่างการใช้หลัก S.M.A.R.T
นาย Money อายุ 25 ปี เป็นพนักงานประจำมีเงินเดือน 25,000 บาท ไม่มีภาระหนี้สิน ตอนนี้มีความต้องการเก็บเงินดาวน์บ้านหลังแรกให้ได้ตอนอายุ 30 ปี เมื่อคำนวณรวมกับอัตราเงินเฟ้อแล้วจำเป็นต้องใช้เงินจำนวน 1 ล้านบาทในการดาวน์บ้าน
ขณะนี้นาย Money ไม่เคยมีประสบการณ์การลงทุนมาก่อน จึงจะเริ่มจัดพอร์ตกองทุนรวมและลงทุนแบบ DCA เดือนละ 2,500 บาทและเก็บเงินฝากประจำ 10,000 บาททุกเดือน และจากตัวอย่างของนาย Money จะสามารถแบ่งเป้าหมายตามหลัก S.M.A.R.T ได้ดังนี้
จากตัวอย่างของนาย Money ข้างต้นจะเห็นได้ว่า ขณะนี้นาย Money มีเป้าหมายที่มีรายละเอียดชัดเจนและมีประสิทธิภาพ แต่หากลองสังเกตเพิ่มเติมจะพบว่า ‘การเลือกสินทรัพย์’ หรือ ‘การจัดพอร์ตกองทุนรวม’ ของนาย Money ในส่วนตัว A - Accountable นั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ชี้วัดความสำเร็จของเป้าหมายการเก็บเงินเพื่อดาวน์บ้านในครั้งนี้
เช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุน การเลือกสินทรัพย์การลงทุนถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เป้าหมายการลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่จะเริ่มต้นเลือกสินทรัพย์อย่างไรนั้น มาเริ่มต้นพิจารณาตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนส่วนใหญ่มักแนะนำให้เลือกสินทรัพย์การลงทุนตามความเสี่ยงที่ตัวเองรับไหว แต่มั่นใจได้ว่าใครหลายคนก็คงจะสับสนอยู่ไม่น้อยว่า ระดับความเสี่ยงที่รับไหวมีอะไรเป็นเกณฑ์ในการชี้วัด ซึ่งในส่วนนี้ Money Adwise ขอแนะนำให้ลองพิจารณาความเสี่ยง 2 แบบหลัก ดังนี้
Risk Tolerance
คือ ระดับความเสี่ยงที่เต็มใจยอมรับ พิจารณาจากทั้งอายุ นิสัย ความจำเป็นของชีวิตในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงประสบการณ์การลงทุนที่ผ่านมา เช่น บางคนอาจรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่สูงมาก เพราะอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องเก็บเงินเพื่อการเกษียณ
Risk Capacity
คือ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ พิจารณาจากภาพรวมทางการเงินและเป้าหมายการลงทุนเป็นหลัก เช่น ภาระหนี้สิน รายได้ สภาพคล่องทางการเงิน ทำให้จัดพอร์ตการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากไม่ได้
โดยทั่วไปแล้ว Risk Tolerance และ Risk Capacity เป็นความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาควบคู่กันเสมอ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนแต่แรกจะยิ่งช่วยทำให้พิจารณาความเสี่ยงทั้ง Risk Tolerance และ Risk Capacity เพื่อเลือกสินทรัพย์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อเข้าใจการประเมินความเสี่ยงที่ตนเองรับไหวแล้ว สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเป็นลำดับถัดมา คือ ความเสี่ยงที่มาจากการลงทุน โดยโลกการลงทุนจะมีการแบ่งระดับความเสี่ยงออกเป็นพีระมิด หรือที่เรียกว่า Investment Risk Pyramid ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
นอกจากระดับความเสี่ยงของตัวสินทรัพย์การลงทุนแล้ว นักลงทุนยังควรทำความเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนทั้ง 3 ด้าน ซึ่งจะประกอบไปด้วย
อธิบายให้ฟัง! ลงทุนสินทรัพย์ตัวแรกควรเป็นหุ้นหรือกองทุนรวมดี?
|
หลังจากที่กำหนดเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรู้จักวิธีประเมินความเสี่ยงของตนเอง ความเสี่ยงจากสินทรัพย์ และความเสี่ยงจากการลงทุนแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องลงมือทำ คือ การวางแผนการเงินควบคู่ไปกับแผนการลงทุน
หลายคนอาจมองว่า การวางแผนการเงินร่วมกับการลงทุนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่ในความจริงแล้ว หากพอร์ตการลงทุนเกิดผิดพลาดและขาดทุนขึ้นมา ถ้าไม่วางแผนการเงินเอาไว้เลยก็จะทำให้สภาพคล่องทางการเงินเสียสมดุล หรือ ต้องนำเงินเก็บเพื่อเป้าหมายอื่น ๆ ออกมาบริหารพอร์ต
ดังนั้น หลังจากที่กำหนดเงินทุน พิจารณาประสบการณ์การลงทุนควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่รับไหว พร้อมกำหนดระยะเวลาการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนแบบทบต้นแล้ว อย่าลืมวางแผนการเงินเพื่อป้องกันการสูญเสียสภาพคล่องทางการเงินหากเกิดการขาดทุนด้วย
เท่านี้ก็ช่วยตอบคำถามอย่าง ‘เงินน้อยลงทุนอะไรดี’ ได้อย่างชัดเจนและเห็นภาพมากขึ้นแล้ว หากยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นลงทุนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและเข้าถึงทุกเป้าหมายที่ต้องการได้ นักวางแผนทางการเงินที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ CFP® ที่ Money Adwise พร้อมช่วยคุณวางแผนการเงินและการลงทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อทุกเป้าหมายที่เป็นจริง ตอบโจทย์ทั้งการจัดพอร์ตลงทุนปันผล จัดพอร์ตกองทุนรวม และทุกสินทรัพย์ที่ต้องการ นัดปรึกษาครั้งแรกฟรี!