ภาษีมรดกคืออะไร มีวิธีจัดการอย่างไรไม่ให้กระทบลูกหลาน

ภาษีมรดกคืออะไร มีวิธีจัดการอย่างไรไม่ให้กระทบลูกหลาน

ภาษีมรดกคืออะไร ใครมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมรดก

ภาษีมรดก คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากทรัพย์สินที่ได้รับจากผู้ที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นมาตรการทางภาษีที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการกระจายความมั่งคั่งในสังคม และเป็นแหล่งรายได้ของรัฐเพื่อใช้ในกิจการสาธารณะ การเข้าใจหลักเกณฑ์และแนวทางบริหารจัดการภาษีมรดกอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากไม่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ อาจส่งผลกระทบต่อผู้รับมรดกที่ต้องรับภาระภาษีโดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นการศึกษาเรื่องภาษีมรดกตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือการมีที่ปรึกษาทางการเงินจะช่วยให้สามารถถ่ายทอดทรัพย์สินให้แก่ลูกหลานได้อย่างราบรื่นและลดภาระที่ไม่จำเป็น

ภาษีมรดก คือ ภาษีที่จัดเก็บจากทรัพย์สินที่ผู้รับมรดกได้รับจากผู้เสียชีวิต โดยมีการกำหนดอัตราภาษีตามมูลค่าของทรัพย์สิน ซึ่งถูกบังคับใช้ภายใต้ พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 สำหรับประเภทบุคคลที่ต้องมีการเสียภาษีมรดก มีดังนี้

1.บุคคลธรรมดาสัญชาติไทย – ผู้ที่ได้รับมรดกจากเจ้าของทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นบิดา มารดา ญาติพี่น้อง หรือบุคคลอื่น
2.นิติบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย – ในกรณีที่ได้รับมรดกซึ่งอยู่ในประเทศไทย
3.นิติบุคคลสัญชาติไทย – องค์กร มูลนิธิ หรือหน่วยงานที่ได้รับมรดกในรูปแบบของกองทุนหรือทรัพย์สินต่าง ๆ

กรณียกเว้นภาษีมรดก มีอะไรบ้าง

ถึงแม้ว่าภาษีมรดกจะถูกจัดเก็บจากทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต แต่ในบางกรณีกฎหมายกำหนดให้มีการยกเว้นภาษี เช่น

1.มรดกที่มีมูลค่ารวมไม่เกิน 100 ล้านบาท – หากมูลค่ามรดกที่ได้รับไม่ถึงเกณฑ์นี้ จะได้รับการยกเว้นภาษี
2.มรดกที่คู่สมรสได้รับ – กรณีที่สามีหรือภรรยาได้รับมรดกจากคู่สมรสจะได้รับการยกเว้นภาษีมรดกโดยอัตโนมัติ
3.การบริจาคเพื่อการกุศล – หากเจ้าของมรดกระบุในพินัยกรรมว่าให้บริจาคทรัพย์สินแก่หน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร จะได้รับการยกเว้นภาษี
4.ทรัพย์สินที่ได้รับก่อนกฎหมายภาษีมรดกมีผลบังคับใช้ – หากเป็นมรดกที่ได้รับก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 จะได้รับการยกเว้น

ทรัพย์สินประเภทใด ที่ต้องมีการเสียภาษีมรดกบ้าง

  • อสังหาริมทรัพย์ – เช่น ที่ดิน บ้าน อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม
  • หลักทรัพย์และหุ้น – เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร กองทุนรวม หรือหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • เงินฝากและบัญชีเงินออม – รวมถึงเงินฝากในธนาคารและบัญชีลงทุนที่มีมูลค่าสูง
  • ยานพาหนะ – เช่น รถยนต์ เรือ เครื่องบินส่วนตัว
  • ทรัพย์สินทางการเงินอื่น ๆ ที่มีการกำหนดเพิ่มโดยพระราชกฤษฎีกา

อัตราภาษีมรดกคิดยังไง มีวิธีการคำนวณอย่างไร

อัตราภาษีมรดก คือ อัตราภาษีที่ถูกกำหนดตามประเภทของผู้รับมรดก โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินที่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งมีการแบ่งอัตราภาษีมรดกทั้งหมด 2 ประเภท คือ

1.ทายาทที่เป็นบุคคลธรรมดา – เสียภาษีมรดกในอัตรา 5% ของมูลค่ามรดกที่เกิน 100 ล้านบาท
2.บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ทายาทโดยตรง – เสียภาษีในอัตรา 10%


ตัวอย่างการคำนวณภาษี หากผู้รับมรดกได้รับทรัพย์สินเป็นที่ดินและหุ้น รวมกันมูลค่า 150 ล้านบาท

  • มูลค่าที่ต้องเสียภาษี = 150 - 100 = 50 ล้านบาท
  • หากเป็นบุตร ต้องเสียภาษีที่อัตรา 5% → 50 × 5% = 2.5 ล้านบาท
  • หากเป็นบุคคลอื่น ต้องเสียภาษีที่อัตรา 10% → 50 × 10% = 5 ล้านบาท

บทลงโทษกรณีเลี่ยงภาษีมรดก

  • เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม – หากไม่ยื่นแบบภาษีภายใน 150 วันหลังได้รับมรดก อาจถูกเรียกเก็บเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
  • โทษทางอาญา – หากมีการปกปิดหรือหลีกเลี่ยงภาษีโดยเจตนา อาจถูกดำเนินคดีและมีโทษปรับ หรือจำคุก
  • ถูกตรวจสอบย้อนหลัง – กรมสรรพากรสามารถเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง และอาจมีค่าปรับเพิ่มเติม

ข้อดีของการวางแผนจัดการภาษีมรดก

การวางแผนภาษีมรดกเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ทรัพย์สินที่สั่งสมมาทั้งชีวิตสามารถส่งต่อไปยังลูกหลานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดภาระภาษีที่ไม่จำเป็น การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านข้อพิพาททางกฎหมาย ภาระภาษีที่สูงเกินไป และการสูญเสียทรัพย์สินที่ควรตกเป็นของทายาทอย่างถูกต้อง

  • ช่วยลดภาระภาษีของผู้รับมรดก
การจัดการภาษีมรดกอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดภาระภาษีที่ต้องชำระเมื่อได้รับมรดกได้ การใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม เช่น การโอนทรัพย์สินบางส่วนล่วงหน้า การทำพินัยกรรม หรือการตั้งกองทุนทรัสต์ สามารถช่วยให้ภาระภาษีที่ต้องจ่ายลดลง ทำให้ทายาทได้รับทรัพย์สินเต็มมูลค่ามากขึ้น ไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สินบางส่วนไปกับภาระภาษีที่ไม่จำเป็น
  • ป้องกันปัญหาทางกฎหมาย และการถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
หากไม่มีการวางแผนจัดการภาษีมรดกที่ดี อาจทำให้ทายาทต้องเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายในอนาคต เช่น การไม่ยื่นแบบภาษีมรดกภายในเวลาที่กำหนด อาจส่งผลให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง พร้อมค่าปรับและดอกเบี้ย นอกจากนี้ หากไม่มีการวางแผนการส่งต่อทรัพย์สินที่ดี อาจมีกรณีที่ทายาทบางคนอาจถูกฟ้องร้องจากผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินรายอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาทในครอบครัว
  • ช่วยให้การถ่ายทอดทรัพย์สินเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นธรรม
การวางแผนภาษีมรดกที่ดีช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินสามารถกำหนดได้อย่างชัดเจนว่าทรัพย์สินแต่ละประเภทจะถูกส่งต่อให้กับใคร และในสัดส่วนเท่าใด การกำหนดพินัยกรรมหรือการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ จะช่วยให้กระบวนการถ่ายทอดมรดกเป็นไปอย่างเป็นระบบ ลดความสับสนและความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในครอบครัว
  • ลดภาระทางการเงินของลูกหลาน ไม่ต้องเสียทรัพย์สินไปกับภาษีมรดก
หากไม่มีการวางแผนภาษีมรดก ทายาทอาจต้องเสียเงินก้อนใหญ่เพื่อชำระภาษีมรดก โดยเฉพาะหากได้รับทรัพย์สินที่ไม่ใช่เงินสด เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้น ซึ่งอาจทำให้ทายาทต้องขายทรัพย์สินเพื่อหาเงินมาชำระภาษี การวางแผนภาษีมรดกล่วงหน้าสามารถช่วยให้ทายาทไม่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ โดยอาจใช้วิธีแบ่งทรัพย์สินบางส่วนเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่สามารถนำมาชำระภาษีได้
  • เพิ่มโอกาสในการลงทุนและบริหารทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวางแผนภาษีมรดกไม่ได้เป็นเพียงการลดภาระภาษีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินสามารถวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อให้มรดกเติบโตได้ในระยะยาว การจัดสรรสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า หรือการบริหารอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดรายได้ จะช่วยให้ทรัพย์สินของครอบครัวสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง
  • ช่วยลดข้อพิพาทในครอบครัว และป้องกันการฟ้องร้องระหว่างทายาท
หากไม่มีการวางแผนจัดการมรดกที่ดี อาจเกิดข้อขัดแย้งระหว่างทายาทเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สิน ซึ่งอาจนำไปสู่การฟ้องร้องทางกฎหมาย และทำให้เกิดความบาดหมางในครอบครัว การจัดทำพินัยกรรมที่ชัดเจน และการใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม เช่น กองทุนทรัสต์ หรือการตั้งเงื่อนไขการแบ่งมรดก สามารถช่วยลดความขัดแย้งและทำให้การแบ่งมรดกเป็นไปอย่างราบรื่น
  • ช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินสามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้มรดกได้ตามต้องการ
การวางแผนภาษีมรดกไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการลดภาระภาษีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินสามารถกำหนดวิธีการใช้ทรัพย์สินได้ตามต้องการ เช่น การกำหนดให้ทายาทได้รับเงินเป็นงวด ๆ แทนที่จะรับเป็นก้อน หรือการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้ทุนการศึกษาสำหรับลูกหลาน การใช้เครื่องมือทางกฎหมาย เช่น กองทุนทรัสต์ สามารถช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินมั่นใจได้ว่าทรัพย์สินจะถูกใช้ไปในทางที่เหมาะสม
  • ทำให้เจ้าของทรัพย์สินและทายาทอุ่นใจ มั่นใจว่าทรัพย์สินจะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม

สุดท้าย การวางแผนภาษีมรดกช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินมั่นใจได้ว่าทรัพย์สินที่สะสมมาตลอดชีวิตจะถูกส่งต่อไปยังลูกหลานโดยไม่ถูกลดทอนจากภาษีที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทายาทมีความมั่นคงทางการเงิน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องภาระภาษี

วางแผนจัดการภาษีมรดกอย่างปลอดภัย ด้วยบริการที่ปรึกษาทางการเงินจาก Money Adwise

ภาษีมรดก คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากผู้รับมรดกเมื่อได้รับทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท โดยอัตราภาษีอยู่ที่ 5-10% ของมูลค่าทรัพย์สินที่เกินเกณฑ์ การบริหารจัดการภาษีมรดกอย่างถูกต้องช่วยลดภาระทางการเงินของผู้รับมรดกและทำให้การถ่ายทอดทรัพย์สินเป็นไปอย่างราบรื่น การวางแผนมรดกตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น การทำพินัยกรรม การใช้กองทุนทรัสต์ หรือการบริหารจัดการภาษีล่วงหน้า หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม Money Adwise มีบริการที่ปรึกษาทางการเงินและภาษีมรดกอย่างมืออาชีพ เพื่อช่วยให้คุณสามารถวางแผนส่งต่อทรัพย์สินให้กับลูกหลานอย่างมีประสิทธิภาพ 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้