นอกจากการบริหารธุรกิจให้ได้กำไร ดูแลพนักงาน และวางแผนดำเนินงานในอนาคตแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ผู้ประกอบการปวดหัวไม่แพ้กันคือ ภาษีบริษัท เพราะนี่คือหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องจัดการอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังมีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาเป็นคู่มือช่วยผู้ประกอบ
คำถามแรกที่หลายคนสงสัยคือ ทำไมต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลด้วย? คำตอบง่าย ๆ คือ เพื่อประโยชน์ทางภาษีนั่นเอง ! โดยหากธุรกิจมีกำไรสุทธิมากกว่า 750,001 บาท การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้มากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะเสียภาษีบริษัทเริ่มต้นที่ 15% และสูงสุดอยู่ที่ 20% เท่านั้น ในขณะที่บุคคลธรรมดาต้องเสียภาษีสูงถึง 35% เลยทีเดียว
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูตารางเปรียบเทียบอัตราภาษีนิติบุคคลกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันก่อน -- จากตารางนี้ จะเห็นได้ว่าการเป็นนิติบุคคลสามารถช่วยประหยัดภาษีได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าถามว่า หากมีเงินเข้าบัญชีเกิน 2 ล้าน ต้องเสียภาษีเท่าไร ? คำตอบจะเป็นดังนี้
เงินได้สุทธิ / กำไรสุทธิ | อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา | อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล |
---|---|---|
0 - 150,000 บาท | ได้รับการยกเว้นภาษี | ได้รับการยกเว้นภาษี |
150,001 - 300,000 บาท | 5% | ได้รับการยกเว้นภาษี |
300,001 - 500,000 บาท | 10% | 15% |
500,001 - 750,000 บาท | 15% | 15% |
750,001 - 1,000,000 บาท | 20% | 15% |
1,000,001 - 2,000,000 บาท | 25% | 15% |
2,000,001 - 3,000,000 บาท | 30% | 15% |
3,000,001 - 5,000,000 บาท | 30% | 20% |
5,000,001 บาทขึ้นไป | 35% | 20% |
จากตารางนี้ จะเห็นได้ว่าการเป็นนิติบุคคลสามารถช่วยประหยัดภาษีได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าถามว่า “หากมีเงินเข้าบัญชีเกิน 2 ล้าน ต้องเสียภาษีเท่าไร ?” คำตอบจะเป็นดังนี้
นอกจากภาษีบริษัทในรูปแบบเงินได้แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ประกอบการห้ามลืมโดยเด็ดขาดคือการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กล่าวคือ ถ้าธุรกิจมีรายได้สุทธิเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ตามกฎหมายจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีรายได้ถึง 1.8 ล้านบาท และเริ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับรายได้ส่วนที่เกินมา
ข้อควรระวัง: หากเจ้าของกิจการไม่ปฏิบัติตามกฎข้อนี้ จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากกรมสรรพากร ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น
ดังนั้น ถ้าบริษัทออกใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าในเดือนธันวาคม แต่ยังไม่ได้รับเงิน คุณต้องนำรายได้นี้มาคำนวณในปีภาษีปัจจุบัน ไม่ใช่ปีที่ได้รับเงินจริง
การยื่นแบบและชำระภาษีบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก ๆ ดังนี้
เมื่อได้ทราบแล้วว่าธุรกิจส่วนตัวต้องเสียภาษียังไง ในอัตราเท่าไร ผู้ประกอบการท่านใดอยากให้การจ่ายภาษีมีประสิทธิภาพที่สุด ไม่มีเรื่องต้องกังวลใจ การมีที่ปรึกษาทางการเงินที่เชี่ยวชาญมาเป็นผู้ช่วยวางแผนทางการเงินก็จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากขึ้น โดยขอแนะนำนักวางแผนทางการเงินที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ CFP® จาก Money Adwise พร้อมช่วยคุณวางแผนการเงินและจัดการภาษีอย่างตอบโจทย์กับเป้าหมายที่วางไว้ ส่งคำขอนัดปรึกษาฟรีผ่านทางเว็บไซต์ได้เลย
ข้อมูลอ้างอิง
ความรู้เรื่องภาษีที่นิติบุคคลควรทราบ. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 จาก https://www.rd.go.th/
คู่มือภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ SME. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 จาก https://www.rd.go.th/