อยากซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้ให้คุ้ม ต้องรู้อะไรบ้าง ?

ผู้หญิงกำลังวางแผนคำนวณแนวทางซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้

เมื่อปีเก่ากำลังผ่านไปปีใหม่กำลังเข้ามา หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการวางแผนภาษีเพื่อให้สามารถลดหย่อนภาษีได้อย่างคุ้มค่า หนึ่งในวิธีการที่นิยมที่สุดในประเทศไทยคือการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ไม่ว่าจะเป็นกองทุน SSF, RMF, หรือกองทุนที่เน้นด้านความยั่งยืนอย่าง Thai ESG อย่างไรก็ตามถ้าอยากซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้ให้คุ้มค่าที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจรายละเอียดของแต่ละกองทุน เพื่อวางแผนการซื้อได้อย่างตอบโจทย์

 

ทำไมการซื้อกองทุนจึงสามารถลดหย่อนภาษีได้ ?

การที่การลงทุนในกองทุน SSF, RMF และ Thai ESG ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นเพราะรัฐบาลต้องการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการลงทุนและการออม ซึ่งส่งผลในแง่บวกทั้งกับผู้ที่ซื้อกองทุนเอง รวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวม โดยสามารถสรุปเหตุผลเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้

  • ส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาว
    กองทุน SSF และ RMF ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีวินัยทางการเงิน และออมเงินอย่างต่อเนื่อง
  • สนับสนุนการเกษียณอย่างมั่นคง
    กองทุน RMF มุ่งเน้นให้ประชาชนมีเงินเพียงพอสำหรับการเกษียณอายุ โดยไม่ต้องพึ่งพาสวัสดิการจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว
  • ส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน
    กองทุน Thai ESG ช่วยสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
  • เพิ่มแรงจูงใจผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษี
    การให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีสำหรับเงินลงทุนในกองทุนเหล่านี้ จะช่วยลดความกังวลเรื่องภาระภาษีและส่งเสริมให้คนเริ่มต้นลงทุนมากขึ้น


ด้วยเหตุนี้ กองทุนจึงเป็นเครื่องมือที่ผสานทั้งประโยชน์ส่วนตัวและประโยชน์สาธารณะ ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในรูปแบบของสิทธิประโยชน์ทางภาษี

 

กองทุน SSF (Super Savings Fund)

กองทุน SSF เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีรอบปี 2567 โดยมีคุณสมบัติดังนี้

  • ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท
  • เน้นการลงทุนในระยะกลางถึงยาว โดยมีเงื่อนไขว่าต้องถือครองกองทุนอย่างน้อย 10 ปี แบบวันชนวัน
  • มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่ตราสารหนี้ไปจนถึงหุ้นต่างประเทศ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนและมีรายได้ที่ยังไม่สูงมาก

 

กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund)

สำหรับใครที่วางแผนซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้ และอยากได้กองทุนที่เน้นการงอกเงยของสินทรัพย์ในระยะยาว กองทุน RMF ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะกองทุนประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะยาวและการเกษียณอายุ ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้

  • ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท
  • ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงอายุ 55 ปี
  • ถือครองอย่างน้อย 5 ปี นับจากวันที่ซื้อครั้งแรก
  • ข้อสำคัญคือรวมวงเงินลดหย่อนกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ เช่น ประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณอายุและมีเป้าหมายในการออมเงินระยะยาว

 

กองทุน Thai ESG

กองทุน Thai ESG เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุนที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน โดยเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาลที่ดี อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์ในการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีรอบปี 2567 สำหรับกองทุนประเภทนี้ยังถือว่าน่าสนใจเช่นกัน โดยมีเรื่องที่ควรรู้ดังนี้

  • ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 300,000 บาท
  • ต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปีแบบวันชนวัน
  • เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีความยั่งยืนและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนระยะยาวควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก
  • ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี แต่ไม่อยากลงทุนใน RMF ที่ต้องถือครองจนเกษียณ หรือ SSF ที่ต้องถือนานถึง 10 ปี


 

วิธีการเลือกกองทุนให้เหมาะกับความต้องการ

การเลือกซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปีนี้ ควรพิจารณาปัจจัยที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ โดยมีแนวทางดังนี้

  1. ตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน
    • หากต้องการวางแผนเกษียณ ให้เลือก กองทุน RMF ซึ่งเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว
    • หากต้องการลดหย่อนภาษี ในขณะเดียวกันยังได้ลงทุนระยะกลาง ให้เลือก กองทุน SSF
    • หากสนใจการลงทุนที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก ให้เลือก กองทุน Thai ESG
  2. ประเมินระยะเวลาการถือครอง
    • กองทุน SSF: ถือครองอย่างน้อย 10 ปี แบบวันชนวัน
    • กองทุน RMF: ถือครองอย่างน้อย 5 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปี
    • กองทุน Thai ESG: ถือครองอย่างน้อย 5 ปี แบบวันชนวัน ซึ่งมีระยะเวลาสั้นกว่า SSF
  3. ตรวจสอบระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
    • หากรับความเสี่ยงได้สูง ให้เลือกกองทุนที่มีการลงทุนในหุ้น
    • หากต้องการความมั่นคง ให้เลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้
  4. เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและผลการดำเนินงาน
    • ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนอาจมีผลต่อผลตอบแทนสุทธิในระยะยาว จึงควรตรวจสอบและเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านี้ก่อนตัดสินใจ
  5. เลือกบริษัทจัดการกองทุนที่มีความน่าเชื่อถือ
    • ศึกษาประวัติการดำเนินงานและความเชี่ยวชาญของบริษัท เพื่อมั่นใจว่าการลงทุนของคุณจะได้รับการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ

การเลือกกองทุนที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยลดหย่อนภาษีได้ แต่ยังช่วยสร้างพอร์ตการลงทุนที่มั่นคงและตอบโจทย์เป้าหมายในอนาคตของคุณอีกด้วย

 

ลงทุนกองทุนรวมยังไงให้ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด ปรึกษา Money Adwise

สำหรับใครที่อยากลงทุนกองทุนรวมที่ตอบโจทย์ด้านเป้าหมายการเงิน พร้อมได้รับการลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด การมีที่ปรึกษาการเงินที่เชี่ยวชาญมาเป็นผู้ช่วยย่อมทำให้คุณสามารถพิชิตเป้าหมายที่วางได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น โดยขอแนะนำนักวางแผนทางการเงินที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ CFP® จาก Money Adwise พร้อมช่วยคุณวางแผนการเงินและจัดการภาษีอย่างตอบโจทย์กับเป้าหมายที่วางไว้ สามารถนัดปรึกษาครั้งแรกฟรี ลงทะเบียนในหน้าเว็บไซต์ได้เลย

ข้อมูลอ้างอิง:

ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนอะไรได้บ้าง? สืบค้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.rd.go.th/fileadmin/download/tax_deductions_update30072567.pdf

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้